วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

วันภาษาไทยมีประวัตินะ

วันภาษาไทยแห่งชาติ ตรงกับวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี รัฐบาลได้ประกาศให้วันนี้เป็นวันสำคัญ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จราชดำเนินไปทรงอภิปรายเรื่อง “ปัญหาการใช้คำไทย” ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิที่ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประวัติวันภาษาไทย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานและทรงร่วมอภิปราย ในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ หอประชุมคณะอักษรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๕ ในงานวันกรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสฯทรงเปิด อภิปรายในหัวข้อเรื่อง “ปัญหาการใช้คำไทย” และได้ทรงแสดงความห่วงใยการใช้ภาษาไทยดังความตอนหนึ่ง จากกระแสพระราชดำรัสที่พระราชทานในการทรงร่วมอภิปรายเรื่องปัญหาการใช้คำไทย ว่า “ภาษานั้นเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่งของชาติ ภาษาทั้งหลายเป็นสิ่งที่สวยงามอย่างหนึ่ง เช่น ในทางวรรณคดี เป็นต้น ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องรักษาเอาไว้ให้ดี ประเทศไทยนั้นมีภาษาเป็นของเราเอง ซึ่งต้องหวงแหน ประเทศใกล้เคียงของเราหลายประเทศมีภาษาของตนเอง แต่ว่าเขาก็ไม่ค่อยแข็งแรง เขาต้องพยายามหาทางที่จะสร้างภาษาของตนเองไว้ให้มั่นคง เราโชคดีที่มีภาษาของตนเองแต่โบราณกาลจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะรักษาไว้…”
นอกจากนี้ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๒ ได้พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่บัณฑิต ซึ่งแสดงความห่วงใยถึงการใช้ภาษาไทย ดังความตอนหนึ่งว่า “ในปัจจุบันนี้ ปรากฏว่า ได้มีการใช้ถ้อยคำออกจะฟุ่มเฟือยและไม่ตรงกับความหมายจริงอยู่เนืองๆ ทั้งออกเสียงก็ไม่ถูกต้องตามอักขรวิธี ถ้าปล่อยให้เป็นดังนี้ ภาษาของเราก็มีแต่จะทรุดโทรม ชาติไทยเรามีภาษาของเราใช้เองเป็นสิ่งประเสริฐอยู่แล้ว เป็นมรดกอันมีค่าตกทอดมาถึงเราทุกคน จึงมีหน้าที่จะต้องรักษาไว้ ฉะนั้น จึงขอให้บรรดานิสิตและบัณฑิต ตลอดจนครูบาอาจารย์ได้ช่วยกันรักษาและส่งเสริมภาษาซึ่งเป็นอุปกรณ์และหลักประกัน เพื่อความเจริญวัฒนาของประเทศชาติ”
และในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ได้พระราชทานพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าถวายฯ ชัยมงคล ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ ดังความตอนหนึ่งว่า “นอกจากนั้นมีการเปลี่ยนแปลงของวรรณยุกต์ เสียงจะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เสียงโทกลายเป็นเสียงตรี เสียงตรีกลายเป็นเสียงจัตวา เลยทำให้ฟังดูแปลก เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร…”
ดังนั้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๖ รอบ คณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของนายชวน หลีกภัย จึงเห็นชอบและมีมติให้วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ ตามการเสนอของทบวงมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง และสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ด้านภาษาไทย และเพื่อกระตุ้นให้สถาบันการศึกษา องค์กรหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนให้ตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย และร่วมใจกันใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง

คิดยังไงกับPrince of Tennis



  1. ปริ๊นซ์ ออฟ เทนนิส (ญี่ปุ่น: テニスの王子様 Tenisu no Ouji-sama ?) หรือ ปริ๊นซ์ ออฟ เทนนิส เจ้าชายลูกสักหลาด (ชื่อในฉบับอะนิเมะ) เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น แนวกีฬาเทนนิสแต่งโดย ทาเคชิ โคโนมิ ลงตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ ปัจจุบันมีฉบับรวมเล่มออกมาถึงเล่ม 42 เล่มจบ หลังจากลงตีพิมพ์ได้ไม่นานก็ได้รับความนิยมอย่างสูงจนถูกสร้างเป็นอะนิเมะ เกม ละครเพลง และภาพยนตร์ และเมื่อไม่นานมานี้ อ.ทาเคชิ โคโนมิ ได้ประกาศหลังจากจบ เดอะ ปริ้น ออฟ เทนนิสซี่รี่ย์แรกของเขา ว่าจะเขียนซี่รี่ย์ยาวเป็นภาคต่อของ เดอะ ปริ้น ออฟ เทนนิส เป็นภาคที่สองที่จะได้ออกสู่สายตาชาวญี่ปุ่นในเดือนมีนาคมปี2552นี้ในญี่ปุ่นจะเรียกชื่อย่อของการ์ตูนเรื่องนี้ว่า เทนิปุริ (テニプリ) หรือย่อว่า PoT ส่วนในไทยจะนิยมเรียกย่อว่า ปริ๊นซ์ สำหรับลิขสิทธิ์ DVD และ VCD ในประเทศไทยโดยบริษัท TIGA จำกัดเรื่องย่อเอจิเซ็น เรียวมะย้ายเข้ามาเรียนที่มัธยมต้นโรงเรียนเซชุนหรือในภาษาญี่ปุ่นคือ"เซซุน งาคุเอน"(青春学園, Seishun Gakuen) หรือเรียกสั่นๆว่า"เซงาคุ"(Seigaku 青学) โรงเรียนดังที่มีชื่อเสียงด้านเทนนิส เป็นหนุ่มน้อยอัจฉริยะ แชมป์ 4 สมัยซ้อนในการแข่งขันรุ่นจูเนียร์ของอเมริกา เรียวมะเข้าชมรมได้ไม่ทันไร ก็ไต่เต้าขึ้นเป็นนักกีฬาตัวจริงที่เป็นเด็กปี 1 คนแรกในชมรม ภายหลังจากได้เป็นตัวแทนแล้วได้ไปร่วมแข่งขันของโรงเรียนไปแข่งในระดับเขต และในรอบชิงชนะเลิศได้เจอกับโรงเรียนฟุโดมิเนะจบการแข่งขันโรงเรียนเซชุนได้เป็นตัวแทนแข่งขันในระดับโตเกียวร่วมกับ โรงเรียนฟุโดมิเนะ โดยมีโรงเรียนทั้งหมด 108 โรงเรียนร่วมแข่งขัน การแข่งขันได้แบ่งออกเป็น 4 บล็อก โดยโรงเรียนเซชุนได้เจอกับโรงเรียนเซนต์รูดอล์ฟ ในขณะที่ฟุโดมิเนะเจอกับโรงเรียนเฮียวเทใน ในรอบแปดทีมสุดท้าย และผลการจับคู่ในรอบสี่ทีมสุดท้ายตัวละคร (แบ่งตามโรงเรียนที่สังกัด)โรงเรียนในเขตโตเกียวโรงเรียนเซชุน* เอจิเซ็น เรียวมะท่าไม้ตาย " ไดร์ฟ เอ, ไดร์ฟ บี, ไดร์ฟ ซี, ไดร์ฟ ดี,cool ไดร์ฟ,ซามูไร ไดร์ฟ,ทวิส เสิร์ฟ,สภาวะไร้ตัวตน ผลของความไร้ที่ติ ,ผลแห่งการฝึกตนนับร้อย และผลแห่งการระเบิดปัญญา,ทวิส สแมท,ท่าไม้ตายของคนอื่น(เหอะๆ) ,ไซโคลนสแมช "* เทะสึกะ คุนิมิสึ (กัปตัน)ท่าไม้ตาย " เทะสึกะโซน , เทะสึกะ แฟนท่อม, ดร๊อบช๊อตซีโร่ ,เสิร์ฟ ซีโร่,สภาวะไร้ตัวตน ผลแห่งการฝึกตนนับร้อย และ ผลแห่งการระเบิดปัญญา,ดร๊อบช๊อตศูนย์องศา"* โออิชิ ชูอิจิโร่ (รองกัปตัน)ท่าไม้ตาย " มูน วอลเล่ย์ , อาณาเขตของโออิชิ,ซิงโคร(+เอจิ),ออสเตเลียนฟอร์เมชั่น,ดร็อป วอลเล่ย์,ไอฟอร์เมชั่น "* ฟูจิ ชูสึเกะท่าไม้ตาย " ลูกเสิร์ฟล่องหน,ทริปเปิ้ลเคานท์เตอร์ โค่นหมีสีน้ำตาล วาฬขาวเพชรฆาต นางแอ่นถลาลม" "พาวเวอร์ทริปเปิ้ลเคานท์เตอร์ โค่นกิเลน มังกรขาวเพชรฆาต ฟีนิกซ์ถลาลม,เคานท์เตอร์ที่ 4 ตะครุบแมงเม่า ,เคานท์เตอร์ที่ 5 นายทวารเฮคาทันไคร์,เคานท์เตอร์ที่ 6 พลุดาว,ปิดตาเล่น(Close Eye)"* คิคุมารุ เอจิท่าไม้ตาย "คิคุมารุบีม,คิคุมารุบาซูก้า,สเต็ปประจำตัวคุคิมารุ ,เทนนิสกายกรรม,ซิงโคร(+โออิชิ),ออสเตเลียนฟอร์เมชั่น,มูน วอลเล่ย์,ไอฟอร์เมชั่น "* อินุอิ ซาดาฮารุท่าไม้ตาย "ลูกเสิร์ฟความเร็วสูง,วอเตอร์ฟอล,เทนนิสข้อมูล"* คาวามูระ ทาคาชิท่าไม้ตาย "เบิร์นนิ่ง เสิร์ฟ ,เบิร์นนิ่ง ช๊อต, ลูกถล่มปฏพี , ลูกถล่มปฐพีสลาตัน "* โมโมชิโระ ทาเคชิท่าไม้ตาย " ลูกเสิร์ฟกระสุน,ดั้งค์สแมช, แจ๊คไนฟ์ ,แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์,สเน็ค,พาวเวอร์ ดั้งค์สแมช,การอ่านกระแสลมและธรรมชาติ"* ไคโด คาโอรุท่าไม้ตาย "สเน็ค,ทอร์นาโดสเน็ค,บูมเมอร์แรงสเน็ค,ช็อตสเน็ค,รีเวอร์สเน็ค,แจ๊คไนฟ์,เลเซอร์บีม "* ริวซากิ ซูมิเระ (โค้ช)* ริวซากิ ซากุโนะ (หลานสาวอาจารย์ ริวซากิ)* โอซาคาดะ โทโมกะ (เพื่อนของซากุโนะ)* ฮิงากิ ชิอง (ปรากฏตัวเฉพาะในฉบับภาพยนตร์)โรงเรียนเกียคุรินคิมิโยชิ ฟุคาว่า คิมิโยชิ ฟุคาว่าและคู่หู อิสึมิ โทโมยะ ทำให้ โมโมชิโระ ทาเคชิ และ เอจิเซน เรียวมะ พ่ายแพ้ในเกมส์การแข่งขันครั้งแรกที่สนามสตรีทเทนนิส พวกเขาประหลาดใจเมื่อรู้ว่าทั้งสองคนมาจากเซงาคุ ในการแข่งขันเล่นคู่อีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับว่า โมโมชิโระ และ เรียวมะ มีความสามารถมากในการเล่นเดี่ยว แต่ทั้งคู่มั่นใจว่าพวกเขาสามารถคุมเกมได้ อย่างไรก็ตามคู่ของเซงาคุก็สามารถรักษาฟอร์มและเอาชนะไปได้ในที่สุดโทโมยะ อิสึมิ อิสึมิและคู่หู ฟุคาว่า คิมิโยชิ มักจะชอบไปเล่นเทนนิสที่สนามสตรีทเทนนิสเป็นประจำ ที่ที่พวกเขาพบกับโมโมชิโระและเรียวมะ แม้ว่าพวกเขาจะเอาชนะคู่ที่อ่อนหัดในการแข่งขันครั้งนี้ได้ ผู้เล่นของเซงาคุก็ตัดสินใจที่จะแก้มือด้วยยุทธการอ้า-อุนและได้ชัยชนะมาใน การแข่งขันระดับเขต อิสึมิและฟุคาว่ายังคงมีความเป็นมิตรกับโมโมชิโระเพราะด้วยความอดทนภายใต้ แรงกดดันและความสามรถในการวิเคราะห์เกมส์ของเขา อิสึมิเป็นผู้นำในการเล่นคู่กับฟุคาว่า โรงเรียนฟุโดมิเนะ* ทาจิบานะ คิปเป (กัปตัน)ท่าไม้ตาย "ดร็อปศูนย์องศา,ราชสีย์คลั่ง(ออร่าสัตว์ป่า),ไรซิ่งซ๊อต,ลูกคุมคลั่ง"* คามิโอะ อากิระท่าไม้ตาย "โซนิคบริทย์,เร่งความเร็ว,ออร่าสัตว์ป่า,ควิก เสิร์ฟ,ไนโตร เอช"* อิบุ ชินจิท่าไม้ตาย "คิกฟ์ เสิร์ฟ,สป๊อท,ออร่าสัตร์ป่า"* อิชิดะ เท็ตสึท่าไม้ตาย "ลูกถล่มปฐพี,ออร่าสัตว์ป่า"* ซากุระอิ มาซายะ* อุจิมูระ เคียวสุเกะ* โมริ ทัตสึโนริ* ทาจิบานะ แอนทีมจูเนียร์ของอเมริกาKevin Smith ท่าไม้ตาย : Twist Serve, Drive A, Drive B, Zero-Shiki Drop Shot, Muga no Kyouchi, Cyclone Smash, Higuma Otoshi, Illusion สไตล์การเล่น : All AroundArnold Ignashov ท่าไม้ตาย : Precision Eyes - สไตล์การเล่น : Baseline ControllerBobby Max ท่าไม้ตาย : Power Return - สไตล์การเล่น : Power PlayerTom Griffey ท่าไม้ตาย : Shotgun Volley, Bull Rope Serve - สไตล์การเล่น : Baseline ControllerTerry Griffey ท่าไม้ตาย : High Jump Shot, Ball Dodge - สไตล์การเล่น : Volley Finesse PlayerBilly Cassidy ท่าไม้ตาย : Shotgun Volley, Bull Rope Serve - : สไตล์การเล่น : Baseline AttackerMichael Lee ท่าไม้ตาย : High-Speed Kung-Fu Volley - สไตล์การเล่น : Volley Finesse Player

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

จะรู้ได้อย่างไรว่าคอมจะเสีย

ลักษณะอาการเสียของเครื่องคอมพิวเตอร์ เราสามารถแบ่งได้เป็น 5 กลุ่มอาการ ดังนั้นในการตรวจหาสาเหตุของอาการเสีย ก็ให้ดูว่าเป็นอาการเสียที่อยู่ในกลุ่มใดดังนี้1. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องจากเสียง Beep Code ทุก ๆ ครั้งที่คุณเปิดใช้งานเครื่องครั้งแรก ก็จะได้ยินเสียง ปี๊ป ดังสั้น ๆ 1 ครั้ง แล้วเครื่องก็จะทำงานต่อตามปกติ แต่ถ้าเมื่อไรที่คุณได้ยินสียงมากกว่า 1 ครั้ง หรือมีเสียงดังยาว ๆ จากนั้นเครื่องก็หยุดนิ่ง ก็ทำใจไว้ได้เลยว่าเครื่องของคุณมีปัญหาแล้ว เมื่อคุณเจออาการแบบนี้ให้รีบปิดเครื่องทันที เพราะตราบใดที่เครื่องยังไม่ได้รับการแก้ไข ก็จะไม่สามารถใช้งานเครื่องได้จนกว่าจะแก้ปัญหาเสียก่อน เสียงปี๊ปที่เราได้ยินนี้จะถูกเรียกว่า Beep Code ซึ่งจะมีจำนวนครั้งไม่เท่ากัน และมีเสียงดังสั้นบ้างยาวบ้าง ลักษณะของเสียงที่แตกต่างกันนี้เองที่บอกเราว่า อุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหา ดังนั้นถ้าเจอปัญหาลักษณะนี้ก็ต้องลองฟังให้ดีว่า ดังกี่ครั้ง สั้นยาวแบบไหน แล้วนำไปเทียบดูในตารางไบอสตามยี่ห้อของไบออส เพื่อจะรุ้ว่าอะไรคือต้นเหตุ แล้วจะได้หาทงแก้ไขต่อไป 2. ตรวจสอบอาการเสียของเครื่องโดยดูจากข้อความที่แจ้งบนหน้าจอ การแจ้งปัญหาหรือความผิดปกติที่เครื่องตรวจพบด้วยข้อความบนหน้าจอ ซึ่งเราเรียกว่า Message Error นับป็นการแจ้งปัญหาอีกแบบหนึ่งที่มีประโยชน์ เพราะเราสามรถรู้ปัญหาได้ทันทีว่าอปกรณ์ตัวไหนทำงานผิดปกติ หรือไม่ก็รู้ว่าการทำงานส่วนใดมีปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ปัญหาที่ง่ายขึ่น ตัวอย่างของข้อความที่ปรากฎให้เห็นบนหน้าจอบ่อย ๆ อย่างเช่น CMOS checksum Error CMOS BATTERY State LowHDD Controller FailureDiskplay switch not proper ดังนั้นถ้าคุณพบว่าเครื่องได้แจ้งปัญหาให้ทราบก็ให้รับหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ถ้าไม่สามารถแก้ไขได้ก็ให้จดข้อความบนหน้าจอไว้ เพื่อเอาไว้สอบถามผู้ที่สามารถให้คำแนะนำได้หรือเอาไวให้ช่างที่ร้านซ่อมดูก็ได้ เพื่อให้การตรวจซ่อมทำได้เร็วขึ้น 3. ตรวจสอบอาการเสียโดยดูจากความผิดปกติของเครื่องที่สามารถสังเกตุ วิธีนี้คงต้องใช้ทักษะ ความรู้ และความชำนาญมากกว่า 2 แบบแรก เพราะจะเป็นอาการที่เครื่องไม่ได้มีอะไรแจ้งให้เราทราบเลยว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนมีปัญหาหรือเสียหาย มีแต่ความผิดปกติที่เราสามารถสังเกตุได้ทางกายภาพ อย่างเช่น เปิดสวิตซ์แล้วไฟไม่ติด , เสียบปลั๊กแล้วเครื่องก็เปิดทันที , เปิดใช้เครื่องได้ไม่ถึง 5 นาที ระบบก็ล่ม เป็นต้น จะเห็นว่าอาการดังกล่าวนี้เครื่องไม่ได้แจ้งอะไรให้เราทราบเลยนอกจากอาการผิดปกติที่เรารับรู้ได้ ดังนั้นในการแก้ปัญหาในลักษณะนี้จึงจะต้องอาศัยผู้ที่มีประสบการณ์หรือช่างผู้ชำนาญ จึงจะสามารถวิเคราะห์ตรวบสอบ และทำการซ่อมแซมแก้ปัญหาได้ 4. ตรวจสอบอาการเสียที่เราสามารถระบุอุปกรณ์ได้เลย ปัญหาแบบนี้จะเป็นกับอุปกรณ์ที่เราใช้อยุ่เป็นประจำแต่ถ้าอยุ่ ๆ ไม่สามารถทำงาน หรือทำงานได้ไม่ดี เราก็รู้ได้ทันทีว่าอะไรเสีย อย่างเช่น ไดรว์ซีดีรอมไม่ทำงาน ภาพบนจอสั่นหรือกระพริบ ไดรว์ A ไม่ยอมอ่านแผ่น เป็นต้น จะเห็นว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความผิดปกติของอุปกรณ์ชิ้นนั้น ๆ โดยตรง การตรวจสอบหรือตรวจเช็คจึงทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยากเหมือน 3 แบบที่ผ่านมา 5. ตรวจสอบอาการเสียที่เกิดจากการอัพเกรดอุปกรณ์ ไปจนถึงการปรับแต่งเครื่อง สิ่งที่ทำให้เครื่องเกิดปัญหาอีกอย่างก็คือ การเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนหรือปรับแต่งอุปกรณ์บางตัวก็ทำไห้เกิดปัญหาได้อีกเหมือนกัน เช่น อัพเกรดแรมแล้วเครื่องแฮงค์ Overclock ซีพียูจนไหม้ , ปรับ BOIS แล้วเครื่องรวน เป็นต้น จะเห็นว่าในสภาพเครื่องก่อนกระทำใด ๆ ยังทำงานได้ปกติอยุ่ แต่หลังจากที่มีการอัพเกรดหรือปรับแต่งเครื่องแล้วก็มีปัญหาตามมาทันที แล้วคุณจะทำอย่างไร ????? บีคอมมีคำตอบให้คุณ




แหล่งอ้างอิง
www.bcoms.net

Reqistry คืออะไร

Registry คือฐานข้อมูลส่วนกลางที่มีความสำคัญสำหรับ Windows เป็นอย่างยิ่งเพราะข้อมูลแทบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลด้าน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์การปรับแต่งค่าต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งรหัสผ่าน สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกบรรจุอยู่ใน Registry ทั้งหมดRegistry จึงมีผลต่อเสถียรภาพของ Windows หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นใน Registry เพียงแห่งเดียว ก็อาจส่งผลให้ Windows ทำงานผิดเพี้ยนหรือล่มไปทั้งระบบก็เป็นได้ ดังนั้นการที่เราจะสามารถควบคุม Windows ได้เหนือผู้ใช้งานทั่วไป การปรับแต่ง Registry จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้
หน้าที่ของ 6 คีย์หลักใน Registry ภายใน Registry จะประกอบด้วยคีย์หลัก 6 คีย์ ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคีย์ก็ล้วนเชื่มต่อข้อมูลกับไฟล์ System.dat และ User.dat โดยแต่ละคีย์จะมีหน้าที่ดังนี้HKEY_CLASSES_ROOT เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลและคุณสมบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์ทั้งหมดที่ติดตั้งภายในเครื่องHKEY_CURRENT_CONFIG เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกียวกับการกำหนดค่าต่างๆ ของฮาร์ดแวร์หรืออุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหมดHKEY_LOCAL_MACHINE เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลทางด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการตั้งค่าอื่น ๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลภายในคีย์จะนำไปใช้กับผู้ใช้ทุกคนที่เข้ามาในวินโดวส์HKEY_USERS เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ทั้งหมดเช่นรายชื่อของผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานหรือรายชื่อผู้ใช้งานเครือข่าย โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมุลชุดเดียวกับคีย์ HKEY_CURRENT_USERHKEY_CURRENT_USER เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ใช้ปัจจุบันที่เข้ามาใช้งานเท่านั้น โดยจะมีความสัมพันธ์และเป็นข้อมูลชุดเดียวกับกับคีย์ HKEY_USERSHKEY_DYN_DATA เป็นคีย์สำหรับจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับการตั้งค่าในระบบ Plug and play รวมถึงค่ารหัสต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่มาต่อพ่วง สำหรับใน Windows XP จะไม่ปรากฎคีย์นี้
ความเป็นมาและไฟล์สำคัญของ Registry ในสมัย Windows 3.X การจัดเก็บฐานข้อมูลส่วนกลางสำหรับ Windows ในรูปแบบของ Registry ยังไม่เกิดขึ้น แต่จะใช้ ไฟล์นามสกุล .ini ชนิด Text file เช่น WIN.INI คอยเก็บข้อมูลที่เกี่ยวกับระบบและค่าต่างๆ ของ Windows แทนแต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย เช่น ทำงานได้ช้า ไฟล์จะมีขนาดใหญ่เกินกว่า 64 KB ไม่ได้ การค้นหา และการจัดระเบียบต่าง ๆ ภายในไฟล์ก็ทำได้ไม่ดีนักต่อมาใน Windows 95/98/ME/2000/NT จนถึง XP ทาง Microsoft จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บข้อมูลส่วนกลางของ Windows ในรูปแบบของโปรแกรม Registry ซึ่งทำให้ข้อจำกัดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในอดีตหมดไป โดย Registry จะประกอบด้วยไฟล์สำคัญ ดังนี้
SYSTEM.DAT สำหรับจัดเก็บข้อมูลทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ติดตั้ง อยู่ภายในเครื่อง รวมไปถึงค่าต่าง ๆ ของระบบ Windows โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกโปรแกรม Registry นำไปใช้มนคีย์ที่ชื่อ HKEY_CLASSES_ROOT , HKEY_LOCAL_MACHINE , HKEY_CURRENT_CONFIG ,HKEY_DYN_DATAUSER.DAT สำหรับจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ใช้แต่ละคน รวมไปถึงหน้าตาและการแสดงผล ของ Windows ด้วยเช่น หน้าจอเดสก์ทอป Registry นำไปใช้ในคีย์ชื่อ HKEY_USERS , HKEY_CURRENT_USER สำหรับใน Windows Me ทาง Microsoft ได้แยกข้อมูลบางส่วน (ส่วนที่เป็น CLASS OBJECT) ออกมาเก็บไว้อีกไฟล์ ซึ่งมีชื่อว่า CLASSES.DAT โดยเราสามารถค้นหาไฟล์ทั้ง 3 ได้ ดังขั้นตอนต่อไปนี้ 1. ไฟล์ทั้ง 3 เป็นไฟล์ที่มีความสำคัญต่อระบบ ดังนั้นจึงไม่ได้ปรากฎให้เป็นเหมือนไฟล์ปกติทั่วไป ก่อนอื่นเราต้องเข้าไปกำหนดให้ Windows แสดงไฟล์ที่ถูกซ่อนทั้งหมดออกมาเสียก่อน โดยเข้าดูไปที่หน้าต่าง c:\windows

แหล่งอ้างอิง
http://www.bcoms.net/

รู้เรื่องซ่อมคอมพิวเตอร์กันเถอะ

เครื่องเสียบู๊ตไม่ขึ้น อุปกรณ์เจ๊ง ฮาร์ดดิสก์พัง ฯลฯ ปัญหาเหล่านี้ดูจะเรื่องปกติ ที่ผู้ใช้คอมฯ ทุกท่านจะต้องเจออย่างแน่นอน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าจะให้ทุกคนลุกขึ้นมาแก้ปัญหาหรือซ่อมเองก็เป็นเรื่องยาก เพราะถ้าเป็นอาการเสียทางด้านฮาร์ดแวร์ทุกคนก็มักจะมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว แล้วก็ส่ายหัวเมื่อเจอปัญหาเหล่านี้ เพราะกลัวว่าถ้าซ่อมเองแล้วเครื่องจะพัง สู้ยกเครื่องไปให้ร้านซ่อมดีกว่า เพื่อความมั่นใจ ทุกครั้งเมื่อยกเครื่องไปที่ร้าน ก็ต้องเสียค่าซ่อมอย่างน้อย ๆ ก็ 500 บาท เป็นราคามาตรฐานที่ค่อนข้างสุง ยิ่งถ้าช่างแค่เปิดฝาเครื่องแล้วขยับสายเล็กน้อย เครื่องก็หายเป็นปกติ ยิ่งรู้สึกไม่อยากจะจ่ายค่าซ่อมเลย แต่ถ้ามีอุปกรณ์พังก็ยังดี แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าราคาอุปกรณ์ที่เปลี่ยนนั้นร้านซ่อมขายให้ในราคาแพงเกินจริงหรือเปล่า และเปลี่ยนอุปกรณ์แล้วเครื่องจะหายจริงใหม หรือว่าถูกหลอกวางยาให้คุณยกมาซ่อมอีก เรียกว่าซ่อมกันไม่รู้จบสักที ที่กล่าวมาทั้งหมดทาง Bcoms อยากจะแนะนำให้ทุกท่านเห็นประโยขน์ ในการเรีนรู้ทางด้านฮาร์แวร์บ้าง เพื่อให้สามารถตรวจซ่อมละแก้ปัญหาเบื้องต้นได้โดยไม่ต้องเครื่องไปให้ช่างซ่อม Bcom.net สร้างขึ้นมีจุดประสงค์เพื่อเป็นคู่มือในการแก้ปัญหา ที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมเว็บ Bcoms ทั้งที่ไม่เคยจับคอม ฯ มาก่อนเลย หรือที่เคยใช้งานมาบ้างแล้ว สามารถวิเคระห์และแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้เอง


แหล่งอ้างอิง
www.bcoms.net

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

บล็อกของคนอยากรู้

มารู้จักความหมาย ของประโยคคำถาม ที่มักจะมีคนถามผมบ่อย ๆ เวลาไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ ว่า “Blog คืออะไร” กันดีกว่าครับ
Blog มาจากศัพท์คำว่า WeBlog บางคนอ่านคำ ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถ แตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำกันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจาก การเขียนเป็นงานอดิเรก ของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าวสำคัญ ให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำนักข่าวชั้นนำ จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำนักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูล ตั้งแต่เรื่องการเมือง ไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุม ระดับชาติ
และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ ที่สำคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ ที่มีรูปแบบเนื้อหา เป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของการ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย



แหล่งอ้างอิงเว็บไซต์
http://keng.com